จากผลการ เลือกตั้งผู้ว่ากทม 2565 อย่างไม่เป็นทางการ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า ชัชชาติ คือใคร ? ท่านชัชชาติ ผู้ที่ได้รับฉายาว่า “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” เชื่อว่าหลายคนต้องคุ้นหูกับฉายานี้ ที่ได้ลงสมัครในฐานะผู้สมัครลงแข่ง เลือกตั้งผู้ว่ากทม. เราจะมาเปิด ประวัติชัชชาติ พาไปทำความรู้จักกับชายที่มีชื่อว่า ชัชชาติ กัน ติดตามผลการเลือกตั้งผู้ว่ากทม65
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในสมัยของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ที่ได้ฉายาว่า “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” ด้วยภาพ Meme ถือถุงแกง หรือบ้างก็เทียบเป็นหนึ่งในทีม Avengers อย่าง the Hulk
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีชื่อเล่นว่า ทริป เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 (ปัจจุบันอายุ 55 ปี) เป็นลูกคนสุดท้องของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กับ จิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ (นามสกุลเดิม: กุลละวณิชย์) มีพี่สองคน ได้แก่
- ดร.ปรีชญา สิทธิพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ กรรมการแพทยสภาวาระ พ.ศ. 2562-2564 คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นพี่ชายฝาแฝดของชัชชาติ มีชื่อเล่นว่า ทัวร์
และชัชชาติ สมรสกับ ปิยดา อัศวฤทธิภูมิ พนักงานการบินไทย มีบุตรชายหนึ่งคน
ประวัติการศึกษา ชัชชาติ
ชัชชาติ สำเร็จการศึกษา
- ระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
- ปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโครงสร้าง จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
- วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบนา-แชมเปญจน์ สหรัฐอเมริกา ด้วยทุนมูลนิธิอานันทมหิดล ประจำปี พ.ศ. 2530
ประวัติการทำงานของชัชชาติ
เคยทำงานเป็นวิศวกรโครงสร้างในบริษัทเอกชน
- ปี พ.ศ. 2538 ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการเป็นรองศาสตราจารย์
- ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 – พ.ศ. 2555
- เคยดำรงตำแหน่งกรรมการในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง อาทิ บริษัทขนส่ง จำกัด การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
- ปี พ.ศ. 2551 – เดือน มกราคม พ.ศ. 2555 เป็นกรรมการอิสระ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
ชัชชาติ เคยเป็นที่ปรึกษานอกตำแหน่ง ให้กับกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลทักษิณ ตลอดจนถึงรัฐบาลสมัคร จากนั้นได้ถูกทาบทามให้เป็น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก่อนที่ภายหลังจะขึ้นเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 จนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 โดยให้เหตุผลที่ว่าอยากเข้ามาสายการเมืองเป็นเพราะว่า อยากให้ลูกชายมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกชายเพียงคนเดียว แสนปิติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้พิการทางการได้ยินตั้งแต่กำเนิด
ผลงานในช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรี อาทิ
- การแก้แบบสถานีกลางบางซื่อให้รองรับรถไฟความเร็วสูง
- การแก้แบบสายสีแดงเข้มจาก 3 ทางเป็น 4 ทาง
- การจัดซื้อจัดขบวนรถด่วนพิเศษ CNR จำนวน 8 ขบวน
- การเปลี่ยนรางรถไฟในภาคเหนือตอนบนทั้งหมด
- ให้ข้าราชการระดับ 9 ขึ้นไปนั่งรถเมล์มาทำงานแล้วรายงานปัญหา
ชัชชาติ ในฐานะหนึ่งใน ครม. เป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น จากภาพ Meme ถือถุงแกงไปวัด ซึ่งเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า วันนั้นตนไปประชุม ครม. ที่ จ.สุรินทร์ ตนได้แวะทำบุญที่วัดบูรพาราม เป็นวัดของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล จากนั้นคงมีชาวบ้านแถวนั้นถ่ายรูปเก็บไว้แล้วนำไปโพสต์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย จึงเป็นที่มาของฉายา “รัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี”
เมื่อปี พ.ศ. 2562 ชัชชาติประกาศว่า เขาตั้งใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามอิสระ[16] โดยเน้นนโยบายด้านคน ระบบเส้นเลือดฝอย สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ชัชชาติได้เปิดตัวลงสมัครอย่างเป็นทางการ ใช้ชื่อการรณรงค์หาเสียงว่า “กรุงเทพฯ เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน”
นโยบายชัชชาติ เบอร์8
ท่านชัชชาติ ได้ชูนโยบาย “9ดี” มาในการแข่งขันเลือกตั้งครั้งนี้ ประกอบไปด้วย
ปลอดภัยดี
สร้างแผนที่จุดเสี่ยงอาชญากรรม จราจร และสาธารณภัย เมื่อรู้ก่อนก็จะสามารถป้องกันได้ พร้อมจัดตั้งศูนย์สั่งการ ชัดเจน คล่องตัว ในการรับมือสาธารณภัย และให้พนักงาน กทม. ช่วยกันเป็นหูเป็นตาแจ้งเหตุ ถนนพัง ไฟดับ ทางเท้าทรุด
เดินทางดี
ใช้ระบบจัดการจราจรอัจฉริยะ (ITMS) บริหารจราจรทั้งโครงข่ายเพื่อบรรเทาปัญหาจราจร พัฒนารถสาธารณะทั้งระบบ เพื่อรถสายหลักและรอง (Trunk and Feeder) ให้มีราคาถูกและเป็นราคาเดียว พร้อมหารือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อลดรายจ่ายประชาชน และท้ายสุดพัฒนาทางเดินเท้าให้มีคุณภาพ
สุขภาพดี
เชื่อมโยงประวัติคนไข้ภายในสถานพยาบาลของกรุงเทพฯ เพื่อการส่งต่อและดูแลรักษาได้อย่างทั่วถึง เพิ่มการรักษา-ทรัพยากรในศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) จัดทำโครงการหมอถึงบ้านผ่าน Telemedicine และเพิมพื้นที่ออกกำลังกาย พัฒนาลานกีฬาต้นแบบ 180 แขวง 180 ลาน ภายใน 100 วันแรก
สร้างสรรค์ดี
เปลี่ยนศาลาว่าการ กทม. เดิม เป็นพิพิธภัณฑ์เมืองและพื้นที่สาธารณะ สร้าง Open Art Map and Calendar ให้ประชาชนปักหมุดกิจกรรมเพื่อตามเสพงานศิลป์ได้ทั่วกรุง รวมไปถึงการจัดทำฐานข้อมูลรวมพื้นที่ของรัฐและเอกชนให้ประชาชนเลือกใช้จัดกิจกรรม
สิ่งแวดล้อมดี
วางโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้นเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อให้เป็นกำแพงกรองฝุ่นตามธรรมชาติ รวมถึงการดูแลด้วยการจัดหารุกขกรมืออาชีพดูแลต้นไม้ประจำเขต เดินหน้าโครงการตรวจจับรถปล่อยควันดำเชิงรุกจากต้นทาง เช่น สถานีรถโดยสาร และไซต์ก่อสร้าง จัดทำโครงการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง มุ่งเป้าองค์กร
โครงสร้างดี
วางแผนต้นแบบเมืองใหม่ (ชานเมือง) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน กระจายแหล่งงาน ลดการกระจุกตัวในเขตเมือง จัดตั้งโครงการลอกท่อ คูคลอง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำประสิทธิภาพสูง ลดจุดเสี่ยงน้ำท่วม พร้อมหาพื้นที่รับน้ำธรรมชาติ
บริหารจัดการดี
พัฒนาระบบการขออนุญาตจาก กทม. ให้ประชาชนตรวจสอบและติดตามได้ พร้อมทบทวนข้อบัญญัติ กทม. และปรับปรุงให้เป็นปัจจุบัน จัดสรรงบประมาณบริหารกรุงเทพฯ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน (Participatory Budgeting) และเปิดให้ประชาชนร่วมประเมิน ผอ.เขต และผู้ว่าฯ ได้
เรียนดี
เปิดโรงเรียน กทม. ให้สามารถไปเล่นหรือเรียนได้ในวันหยุด ขยายเวลาโรงเรียนให้สอดคล้องกับเวลางานของผู้ปกครอง มีครูเฝ้า มีกิจกรรมสร้างสรรค์จากวิทยากรทั้งในและนอก เพิ่มหลักสูตรภาษาต่างประเทศ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อการทำงานในโรงเรียนสังกัด กทม. พร้อมสำหรับทักษะที่จำเป็นในอนาคต
เศรษฐกิจดี
ปั้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั่วกรุงเทพฯ 12 เทศกาลตลอดปี ชูอัตลักษณ์ย่านต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับผู้ค้าแผงลอยให้มีความยั่งยืน เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงิน ให้ความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยี และจัดหาสถานที่ค้าขาย จัดทำโครงการสร้างแบรนด์ Made in Bangkok (MIB) คัดเลือกและพัฒนาสินค้าจากผู้ผลิตในกรุงเทพฯ โปรโมตและต่อยอดผลิตภัณฑ์ ไปสู่ตลาด E-Commerce ขนาดใหญ่
ชัชชาติ จะอยู่ในแวดวงการเมือง และจะแยกออกมาเป็นอิสระกว่า 2 ปีแล้ว แต่ครอบครัวกลับไม่ได้สนับสนุนมากนักต่เพราะเขาได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจ และอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียว มีคุณภาพชีวิตที่ดีในเมืองกรุงฯ เขาจึงตัดสินใจสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. กำหนดนนโยบายจากลูกชายที่เป็นคนรุ่นใหม่ เกิดเป็น 200+ นโยบาย ทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน